The Cotswolds ตอนที่ 1: ชีวิตชนบทกับหมู่บ้านที่สวยที่สุดในอังกฤษ
by กมลวรรณ แสนอิสระ on July 21, 2012
อังกฤษเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของคนไทย โดยเฉพาะเมืองหลวงอย่างลอนดอนที่มีอะไรให้ดูให้ทำได้ไม่รู้จบ แต่สิ่งหนึ่งที่ฉันหลงรักเกี่ยวกับประเทศนี้ไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง แต่กลับเป็นชีวิตชนบทของชาวอังกฤษที่เต็มไปด้วยเนินหญ้าสีเขียวสดที่ตัดกับฝูงแกะสีขาว สวนดอกไม้สีสันสดใสที่คุณป้าชาวอังกฤษตั้งใจปลูกไว้อวดเพื่อนบ้าน และชีวิตช้าๆของคนชนบทที่พาหมาออกมาเดินเล่นและนั่งจิบชายามบ่ายในขณะที่ฝนตกพรำๆ และที่ที่เหมาะที่สุดสำหรับการสัมผัสชีวิตแบบนี้ก็คือ The Cotswolds
The Cotswolds เป็นชื่อเรียกพื้นที่บริเวณฝั่งตะวันตกตอนใต้ของประเทศอังกฤษ และประกอบไปด้วยเมืองเล็กๆน้อยๆหลายสิบเมืองด้วยกัน ลักษณะเด่นของภูมิประเทศในแถบนี้คือเป็นเนินเขาและทุ่งหญ้าเขียวขจี มีทั้งป่าไม้และแม่น้ำเล็กๆไหลผ่านมากมาย พื้นที่บริเวณนี้เต็มไปด้วยธรรมชาติอันสวยงาม จนรัฐบาลอังกฤษแต่งตั้งให้เป็น Area of Outstanding Natural Beauty ที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ ส่วนสถาปัตยกรรมเองก็โดดเด่นสวยงามไม่แพ้กัน เพราะตึกรามบ้านช่องใน The Cotswolds ล้วนทำจากหินสีน้ำผึ้ง มีลักษณะคล้ายๆกระท่อมในนิทาน ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 17-18 และมีการเก็บรักษาไว้ในสภาพดีเยี่ยม
โชคดีที่การมาเที่ยว The Cotswolds ครั้งนี้ของฉันได้รับคำแนะนำอย่างดีจากเพื่อนรุ่นน้องที่มาเที่ยวที่นี่หลายครั้ง และทำลิสต์มาให้ว่ามาเที่ยว The Cotswolds ทั้งทีควรจะไปเที่ยวที่ไหนบ้าง และที่หนึ่งที่เพื่อนรุ่นน้องของฉันย้ำนักย้ำหนาว่าต้องไปให้ได้ก็คือหมู่บ้านเล็กๆที่มีชื่อว่า Bibury Village ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ William Morris ศิลปิน นักเขียน และนักออกแบบชื่อดังของอังกฤษขนามนามไว้ว่าเป็นหมูบ้านที่สวยงามที่สุดในอังกฤษ เมื่อได้มาสัมผัสหมู่บ้านแห่งนี้แม้เพียงวันเดียว คุณก็จะรู้ว่าคำพูดของ William Morris นั้นไม่ได้เกินเลยความจริงแม้แต่น้อย
ที่หมู่บ้าน Bibury แห่งนี้ มีถนนเล็กๆเส้นหนึ่งที่ทุกคนต้องไปดูเพราะเป็นถนนที่มีกระท่อมหินซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่เรียงรายกันยาวไปเป็นแถว มีชื่อว่า Arlington Row กระท่อมเหล่านี้เคยเป็นที่พักของคนที่ทำอาชีพทอขนแกะในศตวรรษที่ 17 ปัจจุบันได้รับการอนุรักษ์ให้อยู่ในสภาพเดิม แต่ก็ใช่ว่าจะเก็บกระท่อมเหล่านี้ไว้เฉยๆ เพราะกระท่อมหลังเล็กๆทั้งหลายนี้มีคนในหมู่บ้านเข้ามาจับจองอยู่อาศัยกันแทบทุกหลัง และเจ้าของบ้านแต่ละหลังต่างก็ช่วยกันดูแลรักษากระท่อมของตนไว้อย่างดี และต่างก็ดูภูมิใจที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยี่ยมชมถ่ายรูปกับบ้านของตนมากมาย ฉันกับเพื่อนยืนถ่ายรูปกันอยู่สักพักก็มีคุณยายชาวอังกฤษเปิดประตูบ้านออกมา พอเห็นพวกเรา คุณยายก็ยิ้มแย้มทักทายโบกไม้โบกมือ เสร็จแล้วก็เดินไปรอรถเมล์พร้อมหันมายิ้มให้เราอีกรอบ
นอกจากกระท่อมที่น่ารักเหล่านี้ หมู่บ้าน Bibury ยังมีธรรมชาติอันสวยงามให้เราได้เดินชม ใจกลางหมู่บ้านมีแม่น้ำ Coln ไหลผ่าน ซึ่งเป็นแม่น้ำที่ใสสะอาด มองลงไปเห็นปลาแหวกว่ายและเห็นสาหร่ายสีเขียวที่อยู่ใต้น้ำได้อย่างชัดเจน แถมยังมีเป็ดและหงษ์จำนวนมากว่ายน้ำเล่นไปมาอย่างสบายใจ และมีสะพานหินให้เราเดินข้ามเป็นระยะๆ ระหว่างทางเดินริมแม่น้ำ ก็จะเห็นบ้านสวยๆเรียงรายกันไป แต่ละหลังมีสวนดอกไม้สีสันสดใสอยู่หน้าบ้านให้เราเดินดูเพลินๆ ใครที่ชอบซื้อของเก่า ทุกเมืองใน The Cotswolds มีร้านขายของวินเทจให้เลือกดูได้ไม่มีเบื่อ ฉันเองก็อดซื้อจาน ชาม ถ้วยชาวินเทจ กลับมาบ้านไม่ได้ เพราะราคาถูกมากถ้าเทียบกับเมืองไทย
ใกล้ๆกับ Bibury Village (ขับรถออกไปแค่ 3 นาที) มีโรงแรมแห่งหนึ่งที่น่าแวะไปดูมากๆชื่อว่า Barnsley House โรงแรมแห่งนี้เดิมเคยเป็นบ้านของคู่สามีภรรยาฐานะร่ำรวยคู่หนึ่งที่รักการทำสวนเป็นชีวิตจิตใจ และเป็นผู้ออกแบบสวนอันงดงามของ Barnsley House สวนของที่นี่มีชื่อเสียงโด่งดัง แม้แต่เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ยังทรงเสด็จมาเยี่ยมชมสวนแห่งนี้หลายครั้งด้วยกัน สมัยก่อน Barnsley House เปิดให้ทุกคนเข้าชม แต่เดี๋ยวนี้เปิดให้เฉพาะแขกของโรงแรมเท่านั้น หากเราแวะไปจิบชาและทานของว่างยามบ่ายที่นี่ เราก็สามารถเดินชมภายใน Barnsley House ที่ตกแต่งไว้อย่างสวยงาม และสามารถออกไปเดินเล่นในสวนอันเลื่องชื่อของที่นี่ได้ด้วย
นอกจากนี้ใน Bibury Village ยังมีฟาร์มปลาเทราท์ตั้งอยู่ใจกลางหมู่บ้าน ฉันมั่นใจว่าฟาร์มปลาเทราท์แห่งนี้จะเป็นฟาร์มเลี้ยงปลาที่สวยที่สุดที่คุณเคยไปมาอย่างแน่นอน เพราะบรรยากาศของฟาร์มที่นี่เหมือนกับสวนสาธารณะมากกว่าฟาร์ม มีสวนดอกไม้ ลำธารเล็กๆ และนอกจากจะเลี้ยงปลาแล้วก็มีเป็ดและนกให้เราเดินดู ที่นี่เราสามารถให้อาหารปลา หรือถ้าอยากตกปลา เขาก็มีที่จัดไว้ให้สวยงาม โดยกฏของเขาก็คือ เมื่อตกแล้วต้องนำปลานั้นมากิน ห้ามไม่ให้ตกเล่นๆแล้วปล่อยปลากลับลงไป ฟาร์มแห่งนี้นอกจากจะเลี้ยงปลาเทราท์ไว้สำหรับขายแล้้ว ยังทำหน้าที่เพาะเลี้ยงปลาเพื่อปล่อยลงสู่แม่น้ำลำธารในบริเวณ Bibury Village อีกด้วย
หากมาอังกฤษ แล้วอยากจะมาเที่ยวบริเวณ The Cotswolds ขอแนะนำให้เผื่อเวลามาค้างสัก 2-3 คืน เพราะบริเวณนี้มีอะไรให้เที่ยวชมเยอะแยะไปหมด จริงๆแค่มา Bibury Village อย่างเดียวก็คุ้มยิ่งกว่าคุ้มแล้ว แต่ที่ The Cotswolds ยังมีเมืองที่น่าไปเยี่ยมชมอีกหลายแห่ง เดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟังในตอนหน้า ฉันเองมาอังกฤษหลายรอบ ทั้งมาเรียนต่อปริญญาโทที่นี่ และมาเที่ยวอีกหลายต่อหลายครั้ง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้มาเยือน The Cotswolds และภายในเวลาเพียงไม่กี่วัน ที่นี่ก็กลายเป็นสถานที่โปรดของฉันในอังกฤษไปในทันที
เขาว่ากันว่าที่ The Cotswolds นี้เวลาหยุดเดินมา 300 ปีแล้ว การเดินทางมาที่นี่เหมือนเราย้อนเวลากลับไปสู่อังกฤษยุคเก่า ด้วยบ้านเรือนสไตล์อังกฤษโบราณที่อนุรักษ์ไว้ได้อย่างดี ผู้คนที่ส่วนใหญ่เป็นคนเกษียณอายุที่มีอันจะกินซึ่งนิยมย้ายมาอยู่บริเวณนี้ เราจึงเห็นคุณป้าคุณยายแต่งตัวสวยงาม พูดจาไพเราะ และคุณลุงคุณปู่ที่ใส่สูทผูกเนคไทออกมาเดินเล่น และเปิดประตูให้ผู้หญิงอย่างเราเดินออกไปก่อนเสมอ ตามสไตล์ English gentleman ที่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีให้เห็นมากนัก ถึงแม้คนที่อยู่ที่นี่ส่วนใหญ่เป็นคนฐานะดี แต่ชีวิตแบบชนบทที่นี่ก็เป็นชีวิตที่เรียบง่าย อยู่กับธรรมชาติอันร่มรื่น ไม่มีแสงสีอะไรมากนัก ความบันเทิงหลักของคนในหมู่บ้านก็คือการออกมาเดินเล่นริมแม่น้ำ ให้อาหารปลา ดูเป็ดว่ายน้ำ เป็นความสุขแบบดั้งเดิมที่ควรค่าแก่การเก็บรักษาไว้ยิ่งนัก
Share this:
Related
กาลเวลาหยุดนิ่งที่ยูนนาน ตอนที่ 1In "Travel"
TAGS: คอทส์โวลส์, ชนบท, ท่องเที่ยว, หมู่บ้านไบเบอร์รี่,อังกฤษ, ฺBARNSLEY HOUSE, BIBURY, COTSWOLDS,ENGLAND, ENGLISH COUNTRYSIDE
FROM: TRAVEL
16 Comments Post a comment
กำลังจะไปอังกฤษ ปลายเดือนนี้ ไปจากลอนดอนด้วยรถไฟ แล้วไปเช่ารถขับที่ gloucester จะได้มั้ยคะ