กว่าชัชนาถวู๊ดแลนด์รีสอร์ท จะก้าวมาเป็นดินแดนแห่งสรวงสวรรค์ที่คุณคู่ควรนั้น เบื้องหลังของป่าผืนนี้มีตำนานบางอย่างที่ไม่ธรรมดา เราจึงอยากจะพาคุณไปค้นหาที่มาที่ไปของสวนชัชนาถว่ามีทีเด็ดอะไร จนทำให้ใครหลายๆคนโดนมนต์เสน่ห์จนต้องกลับมาเยือนอีกครั้ง ของดีอยู่ตรงไหน ไปลุยกันเลย
สวนชัชนาถ เกิดจากความประสงค์ของ ดร.ยอดหทัย เทพธรานนท์ ที่จะปลูกป่าเพื่อเฉลิมพระเกียรติถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หรือในหลวงของพวกเรา สวนชัชนาถ จึงได้ถือกำเนิดขึ้นใน ปี พ.ศ. 2533 เป็นต้นมา
ชาวบ้านแถบภูเรือ มีวิถีการทำเกษตรกรรม คือ พรวนดินด้วยรถไถ รอฤดูฝนแล้วจึงหยอดเมล็ดพันธุ์ เนื่องจากเป็นพื้นที่เนินเขาซะส่วนใหญ่ ผู้คนจึงบุกถางป่าเพื่อทำไร่ หน้าดินจึงโดนฝนชะล้าง ไม่นานก็กลายเป็นลูกรัง ไร้ซึ่งอาหารในดิน สุดท้ายที่ดินก็กลายเป็นภูเขาหัวโล้น ไม่มีคนมาแยแส
สวนชัชนาถนี้ ตั้งอยู่ที่ตำบลท่าศาลา อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย หากลองมองย้อนกลับไป เมื่อ 50-60 ปีที่แล้ว หลายคนอาจจะเคยเรียนวิชาภูมิศาสตร์ที่ปรากฏหลักฐานสำคัญว่า
“พระเกจิอาจารย์รูปหนึ่งที่ได้เดินทางเข้าป่ามาเพื่อกรรมฐาน ท่านเล่าให้ฟังว่ายามบิณฑบาตรตอนเช้าในฤดูหนาว จะถูกน้ำแข็งตามยอดหญ้าบาดเท้า”
จึงไม่น่าแปลกที่ ภูเรือจะได้ขึ้นชื่อว่า “ที่ที่หนาวที่สุดในประเทศไทย” จนบางครั้งพบเห็น แม่คะนิ้ง และ แผ่นน้ำแข็งอยู่บ่อยๆ เรียกว่าหนาวจนนอนไม่หลับเลยก็ว่าได้
“พระเกจิอาจารย์รูปหนึ่งที่ได้เดินทางเข้าป่ามาเพื่อกรรมฐาน ท่านเล่าให้ฟังว่ายามบิณฑบาตรตอนเช้าในฤดูหนาว จะถูกน้ำแข็งตามยอดหญ้าบาดเท้า”
จึงไม่น่าแปลกที่ ภูเรือจะได้ขึ้นชื่อว่า “ที่ที่หนาวที่สุดในประเทศไทย” จนบางครั้งพบเห็น แม่คะนิ้ง และ แผ่นน้ำแข็งอยู่บ่อยๆ เรียกว่าหนาวจนนอนไม่หลับเลยก็ว่าได้
ผืนดินรกร้างกว่า 33 ไร่ ยังคงสร้างความสงสัยให้แก่ชาวบ้านแถบภูเรือไม่น้อย ที่มีหนุ่มกรุงเทพคนหนึ่ง มาซื้อที่ดินไร้ประโยชน์หมดสภาพนี้ แทนที่จะปลูกพืชผักผลไม้ให้ใด้ราคากลับมาปลูกป่าซะอย่างงั้น มันช่างเป็นเรื่องน่าขันยิ่ง แต่หนุ่มกรุงเทพคนนี้ก็ยังพบความโชคดี ที่มีผู้รับอาสาช่วยปลูกป่าและดูแลต้นไม้ ปราชญ์ชาวบ้านสองสามีภรรยา คือนายคำภูและแม่คำภานั่นเอง เพราะการปลูกต้นไม้ 30 กว่าไร่ ไร่ละ 400 ต้น ไม่ใช่งานเล็กๆ แต่มันเป็นงานที่ใหญ่หลวงมาก จากทุ่งหญ้าคารกๆ เราก็ได้ไปซื้อต้นกล้าของทางราชการที่ทำการเพาะเลี้ยงเอาไว้ นำมาปลูก เช่น สัก มะค่า ประดู่ ยางนา สนสามใบ ไม้แดง เป็นต้น ปลูกทิ้งระยะห่าง 2 เมตรเพื่อความเป็นระเบียบ แม้ต้นกล้าเหล่านี้จะถูกปลูกในฤดูฝน แต่ก็ต้องเจอกับวัชพืชอย่างหญ้าคา และกระเสือกกระสนหาธาตุอาหารในดินลูกรังอย่างเหนื่อยล้า จนในฤดูหนาวพบว่าต้นกล้านับหมื่นได้ล้มตาย ทำให้หนุ่มกรุงเทพสองจิตสองใจเกือบจะล้มเลิกความคิดที่จะทำ แต่ทุกอย่างก็ต้องสู้ให้ถึงที่สุดอย่างมีหวัง เขาได้ปลูกต้นไม้ขึ้นมาซ่อมแซมส่วนที่หายไป และซื้อที่ดิน 50 ไร่ใกล้เคียง อีกทั้งทำร่องน้ำและขุดบ่อเพื่อใช้ประโยชน์เกี่ยวกับการเพาะปลูก
อุปสรรคหนักหนาของสภาพดินที่ไม่มีใครคิดว่าจะมีสิ่งมีชีวิตงอกเงยขึ้นมาได้ ปัจจุบันกลับกลายเป็นผืนป่าสีเขียวชะอุ่มได้ภายในระยะเวลา 10 ปี ด้วยความทุ่มเทแรงกว่าครึ่งค่อนชีวิตของด็อกเตอร์สติเฟื้อง อย่างอาจารย์ยอดหทัย เทพธรานนท์ หนุ่มใหญ่หัวใจอึด เพื่อดูแลรักษาต้นไม้เหล่านี้เป็นอย่างดี ทำให้เขาต้องปลูกบ้านไว้ที่สวนชัชนาถ โดยผสมผสานระหว่างต้นไม้ส่วนหนึ่งที่ปลูกเอง กับไม้เก่าที่ชาวบ้านขายทิ้ง เพื่อนำทำเป็นที่อยู่อาศัย จึงกลายเป็นบ้านหลังแรกของสวนป่าแห่งนี้ ด้วยความที่เป็นอาจารย์มีลูกศิษย์ลูกหาเยอะแยะมากมาย มาช่วยปลูกต้นไม้ ทำให้ต้องสร้างบ้านเพิ่ม จึงเป็นที่มาของบ้านหลังที่ 2,3,4 จนปัจจุบันนี้มีทั้งหมด 9 หลังด้วยกัน
ทุกๆอย่างหมุนไปตามกาลเวลากว่า 20 ปี ทำให้พบว่าการดูแลรักษาป่า ต้องใช้เงินจำนวนมาก เราจึงเปิดบ้านสวนชัชนาถ ให้นักท่องเที่ยวเข้ามาพัก ตั้งแต่ปี พ.ศ.2551 ที่สำคัญคงจะพลาดไม่ได้ที่จะกล่าวขอบคุณ อาจารย์ยอดเยี่ยม เทพธรานนท์ น้องชายของ อาจารย์ยอดหทัย เทพธรานนท์ ที่ช่วยออกแบบบ้านทุกๆหลัง ให้ออกมาในคอนเซปต์ การใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย พอดีๆ ไม่เยอะหรือน้อยเกินไป ก็สุขสบายได้ดังมีคฤหาสน์ใหญ่โต และนี่คือสิ่งที่ทำให้นักท่องเที่ยวหลายคนติดใจ จนอยากกลับไปสร้างบ้านแบบนี้เลย
ไม่รอช้า ที่เราจะพาคุณไปรู้จักกับบ้านไม้แต่ละหลัง ถึงความพิเศษที่ใครๆก็พากันหลงใหล ความพิถีพิถันทุกอนูที่เราสร้างด้วยใจ คงไม่มีใครต้องผิดหวังกลับไปอย่างแน่นอน
พบกับบ้านหลังที่ 1 และ 2 ดื่มด่ำกับบรรยากาศบ้านไม้ริมน้ำ ที่จะทำให้คุณสัมผัสกลิ่นไออันอบอวลของธรรมชาติ ความเขียวขจีของต้นไม้ และสายน้ำที่เอ่อล้น จนปล่อยหัวใจล่องลอยไปแบบไม่รู้ตัว
บ้านหลังที่ 3 บ้านท่าน้ำ ถ่ายทอดความงดงามที่แสนพิเศษ คือ ความเงียบสงบอย่างแท้จริง บอกลาปัญหารถติดและเสียงที่ก่อกวนหัวใจ ละลายความเมื่อยล้าสะสมของคนเมืองกรุงได้เป็นอย่างดี
บ้านหลังที่ 4 และ 5 มาเป็นก๊วนซ์ยกแก๊งซ์ก็หายห่วง กับบ้านแฝดที่เชื่อมต่อกันด้วยสะพานไม้ ที่สามารถสนุกสนานเฮฮากันได้สบายๆ แต่ก็ยังคงความเป็นส่วนตัวได้ดีเยี่ยม
บ้านหลังที่ 6 และ 7 บ้านที่แสดงถึงว่าคุณมาถึงภูเรืออย่างแท้จริง โอบล้อมด้วยขุนเขา โอบกอดด้วยลมหนาว ท้องฟ้าสีครามที่มีเพียงสองเรา ในค่ำคืนที่มีหมู่ดาวมากมาย ประทับใจไม่รู้ลืม
บ้านหลังที่ 8 บ้านใหญ่ มี 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ ใหญ่สมชื่อจริงๆ ชานบ้านที่มีขนาดใหญ่สามารถตั้งโต๊ะรับประทานอาหารสำหรับ 20-30 คนได้อย่างสบายๆ
บ้านหลังที่ 9 บ้านเรือนไม้ มีจำนวน 6 ห้องนอน และแต่ละห้องนอน มีห้องน้ำในตัว แยกเป็นสัดส่วน เพื่อรองรับลูกค้าเพียงห้องละ 2-3 คน อีกทั้งยังมีสนามหญ้ากว้างขวาง เหมาะแก่การทำกิจกรรมต่างๆอีกด้วย
บ้านไม้สุดคลาสสิคที่ดูเรียบง่าย แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ความเงียบสงบไม่ได้แปลว่าคุณจะต้องตัดขาดจากโลกภายนอก ชัชนาถวู๊ดแลนด์รีสอร์ทมีอินเทอร์เน็ตไร้สายความเร็วสูงไว้บริการ อีกทั้งกิจกรรมต่างๆที่น่าสนใจมากมาย อาทิเช่น เดินป่าศึกษาเส้นทางธรรมชาติ ดอกไม้ พืชพรรณ สัตว์ป่านานาชนิด ผ่อนคลายนวดแผนไทยโบราณ ออกกำลังกายปั่นจักรยาน หรือจิบไวน์มื้อค่ำ ความวิเศษที่คุณสามารถเดินทางมาพบได้ไม่ยาก เมืองเลยยังมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายที่รอนักผจญภัยมาค้นหาสิ่งแปลกใหม่
ความหนาวที่ไม่ต้องบินไปสัมผัสไกลถึงต่างประเทศ ภูเรือ คือคำตอบแรกและคำตอบสุดท้าย ที่คุณไม่ควรลังเล จูงมือครอบครัว คนรัก หรือชาวแก๊งมาเที่ยวที่ภูเรือ หนาวนี้ให้ชัชนาถวู๊ดแลนด์รีสอร์ทดูแลคุณนะคะ
ติดต่อเรา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น